พระเลี้ยงไก่เถื่อน

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อครั้ง ที่ผมบวชเป็นพระ แล้วได้ไปเยี่ยมเยือนสถานที่ต่างๆ ทั้งสถานธรรมและวัด วันหนึ่งมีโยมฆราวาสผู้ชายคนหนึ่ง อาสาพาผมไปวัดๆ หนึ่ง วัดนี้เป็นวัดชนบทห่างไกลความเจริญ ไม่ได้มีอะไร โดดเด่น ไม่ได้มีคุณค่าทางวัตถุ หรือมีถาวรวัตถุที่มีค่าใดๆ เป็นวัดของชาวบ้านเล็กๆ เท่านั้นเอง เมื่อก่อน มีพระหนุ่มจากแดนไกลมาอยู่กับเจ้าอาวาสท่านนี้ แล้วพระหนุ่มนั้นชอบไสยเวทย์มนต์ดำ จึงอยู่กับท่านเจ้าอาวาสไม่ได้เพราะเจ้าอาวาสไม่ชอบอย่างนั้น วัดนี้มีเหลือเจ้าอาวาสอยู่รูปเดียว ท่านชอบเลี้ยงไก่ป่า เพื่อการอนุรักษ์ เหมือนพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน เพราะท่านเลี้ยงไก่ป่าได้จริงๆ ด้วยด้านหลังวัดนั้นเป็นเนินเขาเตี้ยๆ ไม่มีป่าไม้มากนัก เป็นเพียงป่ารก ไม่สวยงามเท่าไร แต่มีไก่ป่าอยู่บริเวณนั้น เมื่อเดินเข้าไปใกล้ จะได้ยินเสียงไก่ป่าแ่ต่มองไม่เห็นตัวไก่เลยสักตัว ถ้าเดินเข้าไปใกล้มาก ไก่ก็จะหายไป พร้อมทั้งไม่มีเสียงให้ได้ยินอีกด้วย ผมเลยสงสัยว่าท่านเจ้าอาวาสเลี้ยงไก่ป่านั้นได้อย่างไร? เพราะไก่ป่ามันเป็นสัตว์ป่า ไม่ใช่ไก่บ้าน ซึ่งไม่มีความเชื่องมาก่อน ไม่แน่ว่าท่านจะเข้าใจถึงธรรมชาติของสัตว์ป่า ทั้งยังปรับตัวเข้ากับธรรมชาติของสัตว์ป่านั้นได้ดีอีกด้วย ผมเข้าไปสนทนากับท่าน ท่านก็จัดเตรียมอุปกรณ์ที่นอนต่างๆ ให้ แต่เนื่องจากผมยังต้องจำพรรษาที่บ้าน (ซึ่งได้ยกขึ้นเป็นสถานธรรมแล้ว) ให้ครบทั้ง ๓ พรรษา เป็นไปตามความตั้งใจของผมเองที่จะทำให้แก่บ้านของผม ตระกูลของผม ผมจึงบอกท่านว่าผมไม่อาจพักได้ เพราะยังไม่ได้บอกแก่โยมแม่ว่าจะมาพักที่นี่ จำต้องกลับไปพักที่บ้านดังเดิม เรื่องราวของเจ้าอาวาสท่านนี้ กับพระหนุ่มจอมไสยศาสตร์ ยังไม่จบลงโดยง่าย เมื่อพระหนุ่มโกรธแค้นเจ้าอาวาสที่ขับไล่ตนออกจากวัด พระหนุ่มก็ทำทีหว่านล้อมทั้งโยมฆราวาสคนที่พาผมไปนั้น, อาจารย์ของผม และตัวผมด้วย ทั้งสองคนตกเป็นพวกของพระหนุ่ม และมองว่าเจ้าอาวาสเป็นคนไม่ดีไปเลย มีแต่ผมคนเดียวที่ไม่ได้คิดอย่างนั้น แต่พูดอะไรมากไม่ได้ จำต้องปล่อยให้พลังครอบงำลดกำลังลงก่อน จึงจะคุยกันรู้ได้


พระหนุ่มนั้นจึงใช้วิธีแบบของตน สร้างวัดแข่งกับเจ้าอาวาสขึ้นมา แล้วก็ดึงให้ผมไปจำพรรษาอยู่ด้วยแต่ผมรู้ว่าพระหนุ่มรูปนี้มีพลังดำมาก แทรกเข้ามาในตัวผมบ่อยๆ ผมจึงไม่อยู่ด้วย ต่อมาภายหลัง ท่านก็ได้ลูกน้องและบริวารมากขึ้น ดังที่ใจอยากจะได้ เป็นพระที่ยังไม่รู้อะไรมาก ไม่รู้อะไรผิดอะไรถูก อะไรควร อะไรไม่ควร ก็เข้ามาติดสอยห้อยตามด้วยเห็นว่าท่านสร้างวัด เป็นบุญ เป็นของดี เห็นเท่านั้น คิดเท่านั้น ไม่มองให้ละเอียดรอบด้านก็รวมหัวกันต่อไป ฝ่ายเจ้าอาวาส ท่านมีบุญ มีคนเห็นคุณงามความดีท่านที่เลี้ยงไก่ป่า อนุรักษ์ไก่ป่ากระมัง จึงมีโยมบางคน เอาเงินมาทำบุญแล้วช่วยให้ท่านพัฒนาวัด จากวัดที่ไม่มีอะไรเลย ก็เริ่มมีห้องน้ำที่มีมาตรฐานมากขึ้น โดยเจ้าอาวาสเป็นผู้ทำเองด้วย (สองรูปนี้ สร้างบารมีแข่งกันหรืออย่างไร? แล้วเกี่ยวอะไรกับผมด้วยเล่า?) โดยส่วนตัวผมจึงนับถืิอเจ้าอาวาสท่านนี้มากกว่าพระหนุ่มรูปนั้น แต่ด้วยยังไม่ใช่เวลาที่ผมจะอยู่กับท่าน ผมจึงจรจากลาไปก่อน หากมีบุญวาสนาผมได้บวชพระอีกครั้ง ผมก็อาจเลือกที่จะจำอยู่ที่นั่นก็ได้ เพราะมันไม่มีอะไรพิเศษเลย เป็นที่เงียบๆ และห่างไกลตาคน ธรรมดามากๆ หากจะเอาสงบหรือเลือกเป็นที่พักสุดท้ายก่อนตาย ก็นับว่าใช้ได้เหมือนกัน