บางครั้ง ผมรู้สึกว่ามีพลังสองอย่างมาดึงผมไป ทางใดทางหนึ่ง มันเป็นพลังจาก "คู่บารมี" ที่เคยบำเพ็ญบารมีร่วมกันมาในอดีต คนหนึ่งอยู่ทางโลกเป็นผู้หญิง, คนหนึ่งอยู่ทางธรรมเป็นผู้ชาย (คู่บารมีเป็นผู้ชายได้ครับ เพราะเราปฏิบัติธรรม จึงไม่จำเป็นต้องเป็นสามีภรรยากัน เป็นสหายธรรมกันก็ได้ครับ) ผมอาจจะมีความชอบทางใดทางหนึ่งอยู่ แต่ก็ละทิ้งอีกทางหนึ่งไม่ได้ (ไม่ใช่จะชอบเชิงชู้สาวนะครับ หมายถึงชอบทางโลกทางธรรมทั้งคู่) แต่ผมก็ยังปล่อยให้ "ธรรมชาติจัดสรร" ต่อไป ผมยังไม่ได้ทำกรรมเืพื่อให้ตนได้ไปสู่ทางใดทางหนึ่ง หรือเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กับคนหนึ่งคนใดเลย และผมก็ไม่รู้จริงๆ ว่าอะไรมันคืออะไร? แม้แต่ปริศนาธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพุทธปาฏิหาริย์ให้ผมเห็นจะๆ กับตา ผมเองก็ยังตีไม่ออกเลย
พุทธปาฏิหาริย์
เรื่องนี้เกิดขึ้นโดยเริ่มต้นเมื่อครั้งที่ผมบวชเป็นสามเณรและมีสามเณรคู่หู อยู่ด้วย เป็นช่วงเวลาที่ผมได้ผ่านการปฏิบัติธรรมและเรื่องราวลึกลับหลายอย่างมา ไม่น้อยแล้ว วันหนึ่ง ขณะที่กำลังจะไปบิณฑบาตรและกำลังรอพระรูปอื่นอยู่นั้น เป็นเวลานานพอควรพระอาทิตย์ จึงกำลังขึ้นมาพอดี ทว่า ด้านตรงข้ามของวัดเป็นแม่น้ำ และปรากฏมี "ดวงกลมๆ" ใหญ่กว่าดวงจันทร์ สีขาวเปล่งปลั่ง ไม่มีรอยมลทินใดๆ แม้แต่รูปกระต่าย ดูแล้วไม่น่าจะเป็นพระจันทร์ แต่คล้ายพระจันทร์มาก กำลังจะตกลงในทิศตะวันตก ในขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะขึ้น ผมเห็นคนแรกจึงเรียกสามเณรไปดูว่านี่คืออะไร? พอดีมีชาวบ้านคนหนึ่งซึ่งเป็นคนที่ผมรู้จักขี่จักรยานผ่านมาพอดี เขาก็เข้าไปดูด้วย พร้อมๆ กัน เมื่อสามเณรดูแล้วยังไม่รู้ เลยให้ลองถอดกายทิพย์ไปถามพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ ท่านก็บอกว่า "เป็นปริศนาธรรมของพระพุทธเจ้าสมณโคดม" ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดงปาฏิหาริย์ให้ผมเห็นเป็นปริศนาธรรมแต่แล้วผมก็ยังตีปริศนานั้นไม่ออก เพียงแต่สงสัยว่า เหมือนท่านให้เลือกระหว่างทางโลกกับทางธรรมอย่างนั้นหรือเปล่า? (พระอาทิตย์ หมายถึง ทางโลก, พระจันทร์หมายถึง ทางธรรม) เพราะมีครั้งหนึ่ง หลวงพ่อโต พรหมรังสี (อาจารย์บนสวรรค์) ท่านเคยล้อผมเหมือนกันประมาณว่า "ถ้าแบ่งร่างเ็ป็นสองคนได้ คงดีเนอะ" อะไรแบบนั้น ผมคิดว่าท่านไม่ไ่ด้พูดจริงจัง แต่พูดสะท้อนความต้องการของเราออกมา เหมือนเป็นกระจกส่องให้ผมดูตัวเองประมาณนั้นมากกว่า ทว่่า ผมก็ยังไม่แน่ใจ และยังไม่มั่นใจอยู่ดี ตกลงมันยังไงกันแน่? จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมและสามเณรก็แยกย้ายกัน คือ ผมบวชพระต่อ ส่วนสามเณรก็สึกไปเรียนรู้เรื่องราวทางโลก (เพราะเขาอายุยังน้อยครับ การไปเรียนรู้เรื่องราวทางโลก เหมาะสมกับวัยของเขามากกว่าที่จะบวชยาวต่อไป) เราจึงแยกไปคนละทาง ผมไปทางธรรม แต่สามเณรคู่หูไปทางโลก ทว่า ภายหลัง ผมก็สึกเหมือนกันครับ
บางครั้ง ผมรู้สึกว่ามีพลังสองอย่างมาดึงผมไป ทางใดทางหนึ่ง มันเป็นพลังจาก "คู่บารมี" ที่เคยบำเพ็ญบารมีร่วมกันมาในอดีต คนหนึ่งอยู่ทางโลกเป็นผู้หญิง, คนหนึ่งอยู่ทางธรรมเป็นผู้ชาย (คู่บารมีเป็นผู้ชายได้ครับ เพราะเราปฏิบัติธรรม จึงไม่จำเป็นต้องเป็นสามีภรรยากัน เป็นสหายธรรมกันก็ได้ครับ) ผมอาจจะมีความชอบทางใดทางหนึ่งอยู่ แต่ก็ละทิ้งอีกทางหนึ่งไม่ได้ (ไม่ใช่จะชอบเชิงชู้สาวนะครับ หมายถึงชอบทางโลกทางธรรมทั้งคู่) แต่ผมก็ยังปล่อยให้ "ธรรมชาติจัดสรร" ต่อไป ผมยังไม่ได้ทำกรรมเืพื่อให้ตนได้ไปสู่ทางใดทางหนึ่ง หรือเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กับคนหนึ่งคนใดเลย และผมก็ไม่รู้จริงๆ ว่าอะไรมันคืออะไร? แม้แต่ปริศนาธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพุทธปาฏิหาริย์ให้ผมเห็นจะๆ กับตา ผมเองก็ยังตีไม่ออกเลย
Artikel พุทธปาฏิหาริย์ ini dipublish oleh Unknown pada hari 3/6/13. Semoga artikel ini dapat bermanfaat.Terimakasih atas kunjungan Anda silahkan tinggalkan komentar.sudah ada 0 komentar: di postingan พุทธปาฏิหาริย์
บางครั้ง ผมรู้สึกว่ามีพลังสองอย่างมาดึงผมไป ทางใดทางหนึ่ง มันเป็นพลังจาก "คู่บารมี" ที่เคยบำเพ็ญบารมีร่วมกันมาในอดีต คนหนึ่งอยู่ทางโลกเป็นผู้หญิง, คนหนึ่งอยู่ทางธรรมเป็นผู้ชาย (คู่บารมีเป็นผู้ชายได้ครับ เพราะเราปฏิบัติธรรม จึงไม่จำเป็นต้องเป็นสามีภรรยากัน เป็นสหายธรรมกันก็ได้ครับ) ผมอาจจะมีความชอบทางใดทางหนึ่งอยู่ แต่ก็ละทิ้งอีกทางหนึ่งไม่ได้ (ไม่ใช่จะชอบเชิงชู้สาวนะครับ หมายถึงชอบทางโลกทางธรรมทั้งคู่) แต่ผมก็ยังปล่อยให้ "ธรรมชาติจัดสรร" ต่อไป ผมยังไม่ได้ทำกรรมเืพื่อให้ตนได้ไปสู่ทางใดทางหนึ่ง หรือเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กับคนหนึ่งคนใดเลย และผมก็ไม่รู้จริงๆ ว่าอะไรมันคืออะไร? แม้แต่ปริศนาธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพุทธปาฏิหาริย์ให้ผมเห็นจะๆ กับตา ผมเองก็ยังตีไม่ออกเลย
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment