ในช่วงนั้น ผมยังปฏิบัติธรรมไม่ถึงจุดที่จะไปเลย แต่พระอวโลกิเตศวรตัสสะมีกำลังบารมีน้อย ทรงอยู่ได้ไม่นาน เมื่อทำกิจมากเข้า โดยสังขารไม่ได้ทำอะไร กล่าวคือ สังขารนั่งสมาธิใช้มโนมยิทธิกำหนดจิตวิญญาณ ให้จิตวิญญาณกระทำกิจต่างๆ ผลคือ จิตวิญญาณมีบารมีธรรมอันก้าวไปไกลเกินกว่าสังขาร ไม่อาจดำรงอยู่ในสังขารเดิมได้ (จิตวิญญาณกับสังขาร มีระดับบารมีธรรมไม่เท่ากัน ส่งผลให้ดำรงอยู่ร่วมกัน ไม่ได้) ซึ่งผมเพิ่งมาเข้าใจในภายหลัง และทำให้ต้องตัดสินใจให้ปล่อยสามเณรถูกคนเล่นงานจนต้องสึกไป เพื่อให้สังขารของเขาได้ไปทำงานและมีกำลังบารมีธรรมที่สมดุลกับจิตวิญญาณภายใน อันจะแก้ปัญหานี้ของสามเณรได้ (สามเณรบำเพ็ญแต่จิต ไม่บำเพ็ญกาย ทำให้จิตวิญญาณดีๆ ได้เกิดขึ้นแล้วไม่อาจรักษาไว้ในสังขารได้ สามเณรเสียจิตวิญญาณดีไปบ่อยครับ) ในที่สุด ก็เลยต้องให้เขาไปยังที่ๆ ควรไปครับ คือ เขาก็ต้องสึกแล้วไปช่วยแม่ทำงานภาคการเกษตร แม้ดูจะไม่มีอนาคตโดดเด่นไปอวดใครเขา แต่นี่คือ "วิถีธรรม" ที่เหมาะสมกับสามเณรแล้วครับ เพื่อแก้ปัญหาที่เขาเป็นอยู่ นั่นเอง
พระอวโลกิเตศวรตัสสะ
เรื่องนี้ เกิดขึ้นเมื่อครั้งผมยังบวชเป็นสามเณรและมีสามเณรคู่หูคอยช่วยกิจอยู่ ครั้งนั้น สามเณรจากที่เคยมีจิตมารอยู่ บำเพ็ญบารมีตามที่ผมแนะนำแล้ว วันหนึ่งได้เห็น "คนทรงเข้าทรงแล้วตาย" จิตจุติเคลื่อนออกจากร่างชั่วขณะ ทำให้ร่างสลบอยู่ แล้วเกิดจิตเมตตาขึ้น จึงช่วยเหลือแล้วบรรลุเป็น "พระโพธิสัตว์" มีพระนามว่า "อวโลกิเตศวรตัสสะ" อันหมายถึง การสรรเสริญคุณพระพุทธเจ้าทั้งหลาย จากนั้น ก็ดำรงอยู่ในกายของสามเณรเหมือนจิตวิญญาณหรือภูติตนหนึ่ง ท่านก็เพียรทำกิจในมิติทิพย์เรื่อยมา ทั้งการช่วยในภาคปราบและภาคโปรด เช่น การโปรดพญานาคหนุ่มที่เข้ามาอาศัยอยู่หน้าวัด ก็ดี, การช่วยปราบอสูรราหูที่คอยเข้ามาครอบงำ ก็ดี ในที่สุด ท่านก็ุถึงวาระที่จะหลุดพ้่นไป ก่อนจากท่านบอกแก่สามเณรซึ่งเป็นร่างสังขารที่ดำรงอยู่แต่เ่ก่าก่อนว่าสามเณรทำตัวไม่ดีอย่างไรบ้าง และควรปรับปรุงอย่างไรบ้าง และท่านจะไปแล้ว (เหมือนเรื่องของพระราชาองค์หนึ่งในไตรปิฎกที่กล่าวถึงภูติในกายของตน มาตำหนิตัวเองให้ทำความดีบ้าง) แล้วไม่นานนักท่านก็หลุดพ้นไปเฉพาะ "จิตวิญญาณ" เท่านั้น ส่วนสังขารของสามเณรก็ยังคงเดิม ไม่ได้หลุดพ้นไปพร้อมกับจิตดวงนั้นด้วย? ทำให้เกิดความสงสัยว่าเหตุใด กายและจิต จึงไม่ได้ไปพร้อมๆ กัน จิตวิญญาณหลุดพ้นไปก่อนกายสังขารได้ด้วยหรือ? แล้วกายสังขารที่สูญเสียจิตวิญญาณดีๆ ไปจะทำอย่างไร ในเมื่อไม่มีจิตวิญญาณดีๆ คอยคุ้มครองกายสังขารแล้ว (เหมือนประวัติท่านเซียนที่ถอดกายทิพย์ออกจากร่างแล้วให้ลูกศิษย์เฝ้าสังขารไว้ ๗ วัน ยังไม่ัทันกลับลูกศิษย์ก็เผาร่างไปก่อน จึงต้องกลับมาอาศัยในร่างของขอทานแทน คือ จิตวิญญาณกับสังขารร่างกาย มีกรรม ไปกันคนละทาง)
ในช่วงนั้น ผมยังปฏิบัติธรรมไม่ถึงจุดที่จะไปเลย แต่พระอวโลกิเตศวรตัสสะมีกำลังบารมีน้อย ทรงอยู่ได้ไม่นาน เมื่อทำกิจมากเข้า โดยสังขารไม่ได้ทำอะไร กล่าวคือ สังขารนั่งสมาธิใช้มโนมยิทธิกำหนดจิตวิญญาณ ให้จิตวิญญาณกระทำกิจต่างๆ ผลคือ จิตวิญญาณมีบารมีธรรมอันก้าวไปไกลเกินกว่าสังขาร ไม่อาจดำรงอยู่ในสังขารเดิมได้ (จิตวิญญาณกับสังขาร มีระดับบารมีธรรมไม่เท่ากัน ส่งผลให้ดำรงอยู่ร่วมกัน ไม่ได้) ซึ่งผมเพิ่งมาเข้าใจในภายหลัง และทำให้ต้องตัดสินใจให้ปล่อยสามเณรถูกคนเล่นงานจนต้องสึกไป เพื่อให้สังขารของเขาได้ไปทำงานและมีกำลังบารมีธรรมที่สมดุลกับจิตวิญญาณภายใน อันจะแก้ปัญหานี้ของสามเณรได้ (สามเณรบำเพ็ญแต่จิต ไม่บำเพ็ญกาย ทำให้จิตวิญญาณดีๆ ได้เกิดขึ้นแล้วไม่อาจรักษาไว้ในสังขารได้ สามเณรเสียจิตวิญญาณดีไปบ่อยครับ) ในที่สุด ก็เลยต้องให้เขาไปยังที่ๆ ควรไปครับ คือ เขาก็ต้องสึกแล้วไปช่วยแม่ทำงานภาคการเกษตร แม้ดูจะไม่มีอนาคตโดดเด่นไปอวดใครเขา แต่นี่คือ "วิถีธรรม" ที่เหมาะสมกับสามเณรแล้วครับ เพื่อแก้ปัญหาที่เขาเป็นอยู่ นั่นเอง
Artikel พระอวโลกิเตศวรตัสสะ ini dipublish oleh Unknown pada hari 1/26/13. Semoga artikel ini dapat bermanfaat.Terimakasih atas kunjungan Anda silahkan tinggalkan komentar.sudah ada 0 komentar: di postingan พระอวโลกิเตศวรตัสสะ
ในช่วงนั้น ผมยังปฏิบัติธรรมไม่ถึงจุดที่จะไปเลย แต่พระอวโลกิเตศวรตัสสะมีกำลังบารมีน้อย ทรงอยู่ได้ไม่นาน เมื่อทำกิจมากเข้า โดยสังขารไม่ได้ทำอะไร กล่าวคือ สังขารนั่งสมาธิใช้มโนมยิทธิกำหนดจิตวิญญาณ ให้จิตวิญญาณกระทำกิจต่างๆ ผลคือ จิตวิญญาณมีบารมีธรรมอันก้าวไปไกลเกินกว่าสังขาร ไม่อาจดำรงอยู่ในสังขารเดิมได้ (จิตวิญญาณกับสังขาร มีระดับบารมีธรรมไม่เท่ากัน ส่งผลให้ดำรงอยู่ร่วมกัน ไม่ได้) ซึ่งผมเพิ่งมาเข้าใจในภายหลัง และทำให้ต้องตัดสินใจให้ปล่อยสามเณรถูกคนเล่นงานจนต้องสึกไป เพื่อให้สังขารของเขาได้ไปทำงานและมีกำลังบารมีธรรมที่สมดุลกับจิตวิญญาณภายใน อันจะแก้ปัญหานี้ของสามเณรได้ (สามเณรบำเพ็ญแต่จิต ไม่บำเพ็ญกาย ทำให้จิตวิญญาณดีๆ ได้เกิดขึ้นแล้วไม่อาจรักษาไว้ในสังขารได้ สามเณรเสียจิตวิญญาณดีไปบ่อยครับ) ในที่สุด ก็เลยต้องให้เขาไปยังที่ๆ ควรไปครับ คือ เขาก็ต้องสึกแล้วไปช่วยแม่ทำงานภาคการเกษตร แม้ดูจะไม่มีอนาคตโดดเด่นไปอวดใครเขา แต่นี่คือ "วิถีธรรม" ที่เหมาะสมกับสามเณรแล้วครับ เพื่อแก้ปัญหาที่เขาเป็นอยู่ นั่นเอง
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment