บางคนมีวิธีปฏิเสธความรักของคนอื่นแบบสุภาพ เช่น บอกว่าเรารู้สึกรักกันเหมือนพี่น้องหรือเพื่อนกันดีกว่านะ แต่ใจจริงแล้วเขาไม่ได้รู้สึกรักเหมือนพี่น้องหรือเืพื่อนเลย คือ ไม่ได้รู้สึกรักอีกฝ่ายเลย แต่จำเป็นต้องพูดอย่างนั้นเพื่อมารยาทก็มี แต่สำหรับผมไม่ใช่อย่างนั้น ผมไม่สนใจมารยาท ถ้าต้องรักษามารยาทจนโกหกความรู้สึกตัวเอง ผมก็ไม่ทำ สู้เงียบๆ ดีกว่า อย่าพูดออกมาเลยจะดีกว่า บางครั้ง ผมรู้สึกว่าอย่างน้อยผมก็โชคดี ที่ผมรักคนอื่นเป็น และผมรักเขาจริงๆ อย่างนั้น เพียงแต่มันเป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นความรักแบบพี่น้อง, ความรักแบบพ่อลูก ซึ่งเกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์ที่ไม่อาจเปิดเผยได้ ก็แปลกนะ ทุกวันนี้ ผมยังคิดถึงเด็กคนหนึ่ง ซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เขามาขายดอกไม้ อายุน้อยมาก เหมือนถูกขบวนการค้ามนุษย์จับไปใช้แรงงานเด็ก เขาพบกับผมที่บาร์แห่งหนึ่ง ผมกำลังสนุกสนานอยู่กับเพื่อน แล้วจู่ๆ เด็กคนนั้นก็เข้ามา ไม่พูดอะไรเลย เห็นผมแล้ว ก็กอดขาผมแน่นไม่ยอมปล่อย นิ่งอยู่อย่างนั้น ผมก็แน่นิ่งเหมือนกัน เพราะตะลึง ไม่ทราบว่าจะทำตัวอย่างไรดี มันนานมากจนคนคุมร้านมาบอกให้เด็กคนนั้นไปเสีย ผมทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้จริงๆ เพราะตอนนั้นผมก็ยังไม่มีอาชีพ และอยู่ๆ ถ้าผมจะเอาใครไปเป็นลูกตัวเอง มันคงเป็นไปไม่ได้ เพราะคนทุกคน ก็มีเจ้าของ มีพ่อ มีแม่ มีเจ้านาย มีใครๆ ถือกรรมสิทธิ์ครองอยู่ทั้งนั้น และนั่นก็ทำให้ผมมีรักซ่อนเร้นเกิดขึ้นกับเด็กคนนั้น "ในฐานะพ่อลูก" อีกจนได้
รักซ่อนเร้น
เรื่องนี้เป็นมานานและมักเป็นอยู่เรื่อยๆ ครับ แ่ต่อย่าเพิ่งคิดว่ารักที่ผมกล่าวถึงนี้ ต้องเป็นความรักแบบคู่ครองเสมอไปนะครับ มันเป็นเรื่องแปลกมากที่ผมรู้สึกรักใครสักคนหนึ่งจริงๆ แต่ในอีกแบบหนึ่ง แล้วยังต้องเก็บความรู้สึกนั้นเอาไว้ เช่น พี่คนหนึ่งสมัยเด็กๆ พี่มาดูแลเลี้ยงดูผม แต่เขาไม่ใช่พี่ชายจริงๆ เป็นลูกของลุงอีกที ด้วยความใกล้ชิดผมเลยรู้สึกเหมือนเขาเป็นพี่ชายจริงๆ แต่แล้ววันหนึ่งพี่เขาก็ต้องจากไป ก็เขาอยู่คนละบ้านกับผมนี่ครับ น่าแปลกอีกอย่าง ทำไม ผมไม่ได้รู้สึกกับพ่อ, แม่, น้อง ว่าเขาเป็นพ่อ, แม่, น้อง ของเรา? มันแปลกมาก และผมรู้สึกแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว ที่น่่าแปลกยิ่งกว่านั้น มีคนทำให้ผมรู้สึกรักเหมือนพ่อได้จริงๆ แต่เขาเป็นเจ้านายเก่าผมครับ ซึ่งผมจะเปิดเผยความรู้สึกนั้นมากไปไม่ได้ เพราะมันจะกลายเป็นเหมือนเราใช้เส้น เข้าหาผู้ใหญ่อะไรแบบนั้น อีกครั้ง ผมก็รู้สึกรักพี่คนหนึ่งเหมือนพี่จริงๆ แต่พี่เขารู้สึกกับผมแบบแฟน แล้วผมก็ต้องยอมใช้สมมุติว่าเป็นแฟนกับพี่เขาเพื่อที่ผมจะได้อยู่กับคนที่ผมรักในฐานะพี่ ซึ่งผมคงไม่อาจบอกเขาได้ว่าผมรู้สึกอย่างนี้ เพราะมันจะทำร้ายจิตใจเขา ใช่ไหมครับ แย่จริงที่ผมมีความรู้สึกที่ขัดแย้งกับสมมุติในปัจจุบันทางโลกอย่างนี้ แต่นี่คือความสัจจริง ผมไม่ได้โกหก ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ และผมไม่ชอบหลอกลวงตัวเอง ผมจริงใจและตรงต่อความรู้สึกของตัวเองมาก แต่ผมก็ยอมรับได้กับสมมุติเปลือกนอกที่ไม่ไ้ด้เป็นไปตามแบบที่ผมคาดหวังนัก ผมจึงมีความรักซ่อนเร้นมากมาย ที่ไม่อาจบอกพวกเขาได้ว่าผมรักพวกเขาแบบไหน? แม้แต่พ่อและแม่ ซึ่งผมไม่ได้รู้สึกว่าเขาเหมือนพ่อและแม่จริงๆ ของผมเลย แต่ผมก็รักเขาในอีกแบบหนึ่ง ผมจึงเหมือนใครไม่รู้ ซึ่งแม้แต่ตัวผมเองก็ไม่ค่อยรู้จักตัวตนที่แท้จริงของตัวเองนัก ผมรู้สึกเหมือนต้องอยู่ในตัวตนปัจจุบันนี้ให้ได้ ภายใต้สมมุติต่างๆ ที่โลกให้มานี้ เพื่อให้ความสัมพันธ์และผู้คนรอบตัวผม ยังดำเนินต่อไปได้ตามปกติ ทั้งที่ความรู้สึกของผมเป็นอีกอย่าง คุณคิดว่ามันจะเป็นอย่างไร ถ้าคนสองคนรักกันจริงๆ แต่ด้วยความรู้สึกที่ต่างกัน เช่น ถ้าเรารักคนๆ หนึ่งเหมือนพี่จริงๆ แต่เขารักเราเหมือนคู่รักจริงๆ อย่างนั้น มันจะกลายเป็นความผิดหวัง, อกหัก ฯลฯ หรือไม่? ถ้าต่างก็รู้ความจริงว่าความรักของเขาไม่เป็นไปอย่างที่เขาคาดหวัง สำหรับผมแล้ว ผมก็ยอมรับได้ หลายครั้งผมจำต้องซ่อนความรู้สึกรักในแบบของผมเอาไว้ ภายใต้ตัวตน สมมุติที่เรามีต่อเขาในแบบหนึ่งนั้น แม้ว่าเขาไม่ได้รู้สึกกับผม แบบที่ผมรู้สึก ก็ไม่เป็นไร
บางคนมีวิธีปฏิเสธความรักของคนอื่นแบบสุภาพ เช่น บอกว่าเรารู้สึกรักกันเหมือนพี่น้องหรือเพื่อนกันดีกว่านะ แต่ใจจริงแล้วเขาไม่ได้รู้สึกรักเหมือนพี่น้องหรือเืพื่อนเลย คือ ไม่ได้รู้สึกรักอีกฝ่ายเลย แต่จำเป็นต้องพูดอย่างนั้นเพื่อมารยาทก็มี แต่สำหรับผมไม่ใช่อย่างนั้น ผมไม่สนใจมารยาท ถ้าต้องรักษามารยาทจนโกหกความรู้สึกตัวเอง ผมก็ไม่ทำ สู้เงียบๆ ดีกว่า อย่าพูดออกมาเลยจะดีกว่า บางครั้ง ผมรู้สึกว่าอย่างน้อยผมก็โชคดี ที่ผมรักคนอื่นเป็น และผมรักเขาจริงๆ อย่างนั้น เพียงแต่มันเป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นความรักแบบพี่น้อง, ความรักแบบพ่อลูก ซึ่งเกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์ที่ไม่อาจเปิดเผยได้ ก็แปลกนะ ทุกวันนี้ ผมยังคิดถึงเด็กคนหนึ่ง ซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เขามาขายดอกไม้ อายุน้อยมาก เหมือนถูกขบวนการค้ามนุษย์จับไปใช้แรงงานเด็ก เขาพบกับผมที่บาร์แห่งหนึ่ง ผมกำลังสนุกสนานอยู่กับเพื่อน แล้วจู่ๆ เด็กคนนั้นก็เข้ามา ไม่พูดอะไรเลย เห็นผมแล้ว ก็กอดขาผมแน่นไม่ยอมปล่อย นิ่งอยู่อย่างนั้น ผมก็แน่นิ่งเหมือนกัน เพราะตะลึง ไม่ทราบว่าจะทำตัวอย่างไรดี มันนานมากจนคนคุมร้านมาบอกให้เด็กคนนั้นไปเสีย ผมทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้จริงๆ เพราะตอนนั้นผมก็ยังไม่มีอาชีพ และอยู่ๆ ถ้าผมจะเอาใครไปเป็นลูกตัวเอง มันคงเป็นไปไม่ได้ เพราะคนทุกคน ก็มีเจ้าของ มีพ่อ มีแม่ มีเจ้านาย มีใครๆ ถือกรรมสิทธิ์ครองอยู่ทั้งนั้น และนั่นก็ทำให้ผมมีรักซ่อนเร้นเกิดขึ้นกับเด็กคนนั้น "ในฐานะพ่อลูก" อีกจนได้
Artikel รักซ่อนเร้น ini dipublish oleh Unknown pada hari 2/4/13. Semoga artikel ini dapat bermanfaat.Terimakasih atas kunjungan Anda silahkan tinggalkan komentar.sudah ada 1comments: di postingan รักซ่อนเร้น
บางคนมีวิธีปฏิเสธความรักของคนอื่นแบบสุภาพ เช่น บอกว่าเรารู้สึกรักกันเหมือนพี่น้องหรือเพื่อนกันดีกว่านะ แต่ใจจริงแล้วเขาไม่ได้รู้สึกรักเหมือนพี่น้องหรือเืพื่อนเลย คือ ไม่ได้รู้สึกรักอีกฝ่ายเลย แต่จำเป็นต้องพูดอย่างนั้นเพื่อมารยาทก็มี แต่สำหรับผมไม่ใช่อย่างนั้น ผมไม่สนใจมารยาท ถ้าต้องรักษามารยาทจนโกหกความรู้สึกตัวเอง ผมก็ไม่ทำ สู้เงียบๆ ดีกว่า อย่าพูดออกมาเลยจะดีกว่า บางครั้ง ผมรู้สึกว่าอย่างน้อยผมก็โชคดี ที่ผมรักคนอื่นเป็น และผมรักเขาจริงๆ อย่างนั้น เพียงแต่มันเป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นความรักแบบพี่น้อง, ความรักแบบพ่อลูก ซึ่งเกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์ที่ไม่อาจเปิดเผยได้ ก็แปลกนะ ทุกวันนี้ ผมยังคิดถึงเด็กคนหนึ่ง ซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เขามาขายดอกไม้ อายุน้อยมาก เหมือนถูกขบวนการค้ามนุษย์จับไปใช้แรงงานเด็ก เขาพบกับผมที่บาร์แห่งหนึ่ง ผมกำลังสนุกสนานอยู่กับเพื่อน แล้วจู่ๆ เด็กคนนั้นก็เข้ามา ไม่พูดอะไรเลย เห็นผมแล้ว ก็กอดขาผมแน่นไม่ยอมปล่อย นิ่งอยู่อย่างนั้น ผมก็แน่นิ่งเหมือนกัน เพราะตะลึง ไม่ทราบว่าจะทำตัวอย่างไรดี มันนานมากจนคนคุมร้านมาบอกให้เด็กคนนั้นไปเสีย ผมทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้จริงๆ เพราะตอนนั้นผมก็ยังไม่มีอาชีพ และอยู่ๆ ถ้าผมจะเอาใครไปเป็นลูกตัวเอง มันคงเป็นไปไม่ได้ เพราะคนทุกคน ก็มีเจ้าของ มีพ่อ มีแม่ มีเจ้านาย มีใครๆ ถือกรรมสิทธิ์ครองอยู่ทั้งนั้น และนั่นก็ทำให้ผมมีรักซ่อนเร้นเกิดขึ้นกับเด็กคนนั้น "ในฐานะพ่อลูก" อีกจนได้
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
อะไรจะเกิด มินาโกะเอง ก็คงจะต้องทำใจแข็งไว้แล้วแหละ จะมาเป็นเด็กแบบเดิมอีกไม่ได้แล้ว ทำกับคนอื่นไว้เยอะนิ ท่้านน่ะ
ReplyDelete