ผมเดินสำรวจไปทั่วๆ ก็ไม่มีอะไรเลย ไม่มีสถานที่พิเศษให้ดูชม ทั้งธรรมชาติ และสิ่งก่อสร้างใดๆ ไม่มีโบราณสถาน ไม่มีอะไรที่พิเศษ นอกจากบ้านเรือนผู้คน ที่อยู่กันตามปกติ ผมจึงเดินไปเรื่อยๆ จนถึงวัดแห่งหนึ่ง วัดนี้เป็นวัดเล็กๆ ที่ลาวมักทำวัดเล็กๆ มีโบสถ์เด่นอยู่แ่ค่หลังเดียว นอกนั้นก็ไม่มีอะไรมากนัก เห็นพระลาวรูปหนึ่ง กำลังเจิมรถให้ชาวบ้าน อันนี้ไม่ต่างจากคนไทย ผมเดินผ่านไปเห็นโบสถ์ปิด ด้านหนึ่งล็อคกุญแจ ด้านหนึ่งลงดานข้างใน แล้วเกิดความรู้สึกขึ้นมาว่า มาถึงแล้ว ก็ต้องเข้าไปให้ได้ ทำไม โบสถ์ถึงปิด เปิดแล้วก็เปิดไม่ออก เพราะเขาลงดานจากข้างใน เลยเดินวนไปรอบหนึ่ง ไม่เห็นทางเข้าได้จริงๆ ก็เลยไม่รู้ทำไง เอามือเขย่าๆ ประตูแล้วผลักเล็กน้อย ประตูโบสถ์ก็แง้มออกได้ แล้วใช้นิ้วล้วงไปสะเดาะกลอนประตูที่อยู่ด้านในนั้น ประตูก็เปิดออกได้ ผมจึงเข้าไปดูภายใน ไม่มีอะไรแปลกหรือพิสดาร พระพุทธรูปก็ทำแบบธรรมดาๆ พื้นๆ ผมจึงนั่งสมาธิในนั้น รู้สึกว่าเย็นสบายมาก โล่งปลอดโปร่งไปหมด เหมือนได้อาบน้ำทิพย์ชะโลมกายเลย สักพัก มีสามเณรลาวที่วัดนั้น หลายรูป คุยอะไรกันเหมือนตกใจ อยู่ตรงหน้าประตู ผมก็ออกจากสมาธิ แล้วเดินตรงไปยังสามเณรเหล่านั้น พวกเขาก็กลัว ถอยหลังออกไป แล้วคุยกันเป็นภาษาลาวหรืองงหรือสงสัยว่าผมมาได้อย่างไรกระมัง ผมเลยเห็นท่าไม่ดี ออกไปดีกว่า ก็เลยเดินออกไปจากวัดเสยเฉยๆ พอจะพ้นเขตประตูวัด มีสามเณรรูปหนึ่งอายุมากกว่าเพื่อนๆ รีบมาถามผมเป็นภาษาไทยว่าผมเป็นใคร มาจากไหน พักอยู่ที่ไหน ผมก็ตอบไปบ้าง เท่าที่พอตอบได้ แล้วจากไป จะว่าไปที่สามเณรตกใจ อาจเป็นเพราะโบสถ์นั้นลงดานจากข้างใน แต่ทำไมผมจึงเปิดมันได้กระมัง?!?
สะเดาะกลอนโบสถ์ลาว
เรื่ิองนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงที่ผมลาออกจากงานใหม่ๆ แล้วยังไม่ได้บวชเป็นสามเณร ยังเป็นฆราวาสจรจาริกไปแสวงหาธรรม อารมณ์คล้ายๆ กับกามนิตตอนใกล้จะเจอพระพุทธเจ้าอย่างนั้น คราวนี้ ผมเข้าไปฝั่งลาวครับ โดยผ่านไปทางด่านเชียงของ ข้ามฝั่งไปแล้ว เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนอย่างอย่าง เช่น บ้านเรือนในฝั่งไทยจะตั้งในที่ราบ ไม่ตั้งตามไหล่เขา แต่ฝั่งลาว มีบ้านเรียงรายตามไหล่เขา ซึ่งไม่ใช่ที่ราบ อยู่มากมาย ผู้คนในฝั่งลาวดูเชื่องช้า และไม่เร่งรีบ เวลาเราพูดคุยอะไรด้วย จะไม่ได้กล้าพูดกล้าคุย อยากคุย อยากแสดงความคิดเห็น หรือแสดงออกอะไรมากมาย ตรงข้าม จะสงวนท่าที เกรงว่าจะผิด หรืออายที่จะตอบมากกว่าฝั่งไทย หรือถ้าตอบอะไรออกมาก็จะไม่มากนัก ดูไม่ฉะฉานนัก หลายคนก็พูดภาษาไืทยได้แต่ไม่ชัดเท่าไรครับ อาหารฝั่งลาวก็ต่างจากไทยมาก ตรงกันข้ามกับภาคอีสานเลย คือ จะจืดมากๆ เหมือนไม่ค่อยมีรสชาติสักเท่าไร จืดและเย็น ครับ บางคนมักหาว่าคนอีสานเป็นคนลาว แต่ผมว่าคนลาวต่างจากคนอีสานมากเลย คนละแบบกันลิบลับเลย คนลาวชอบเงียบๆ สงวนท่าที ไม่ค่อยพูด และไม่ค่อยกล้าแสดงความคิดเห็นอะไรนัก แต่คนอีสานชอบสนุกสนาน ชอบงานรื่นเริง เสียงดัง กล้าที่จะพูดคุยทักทายเหมือนญาติมิตร ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่ค่อยกลัวผิดพลาด อันนี้ ต่างกันอย่างมากครับ ส่วนรูปร่างหน้าตามีส่วนคล้ายกันกับคนไทยบ้างเหมือนกัน แต่ดูคนลาวจะมีลักษณะคล้ายคนไทยชาวเขามากกว่า ส่วนคนอีสานผมว่าถ้าผิวพรรณดีๆ จะดูคล้ายคนเกาหลีมากกว่าคนลาวนะครับ
ผมเดินสำรวจไปทั่วๆ ก็ไม่มีอะไรเลย ไม่มีสถานที่พิเศษให้ดูชม ทั้งธรรมชาติ และสิ่งก่อสร้างใดๆ ไม่มีโบราณสถาน ไม่มีอะไรที่พิเศษ นอกจากบ้านเรือนผู้คน ที่อยู่กันตามปกติ ผมจึงเดินไปเรื่อยๆ จนถึงวัดแห่งหนึ่ง วัดนี้เป็นวัดเล็กๆ ที่ลาวมักทำวัดเล็กๆ มีโบสถ์เด่นอยู่แ่ค่หลังเดียว นอกนั้นก็ไม่มีอะไรมากนัก เห็นพระลาวรูปหนึ่ง กำลังเจิมรถให้ชาวบ้าน อันนี้ไม่ต่างจากคนไทย ผมเดินผ่านไปเห็นโบสถ์ปิด ด้านหนึ่งล็อคกุญแจ ด้านหนึ่งลงดานข้างใน แล้วเกิดความรู้สึกขึ้นมาว่า มาถึงแล้ว ก็ต้องเข้าไปให้ได้ ทำไม โบสถ์ถึงปิด เปิดแล้วก็เปิดไม่ออก เพราะเขาลงดานจากข้างใน เลยเดินวนไปรอบหนึ่ง ไม่เห็นทางเข้าได้จริงๆ ก็เลยไม่รู้ทำไง เอามือเขย่าๆ ประตูแล้วผลักเล็กน้อย ประตูโบสถ์ก็แง้มออกได้ แล้วใช้นิ้วล้วงไปสะเดาะกลอนประตูที่อยู่ด้านในนั้น ประตูก็เปิดออกได้ ผมจึงเข้าไปดูภายใน ไม่มีอะไรแปลกหรือพิสดาร พระพุทธรูปก็ทำแบบธรรมดาๆ พื้นๆ ผมจึงนั่งสมาธิในนั้น รู้สึกว่าเย็นสบายมาก โล่งปลอดโปร่งไปหมด เหมือนได้อาบน้ำทิพย์ชะโลมกายเลย สักพัก มีสามเณรลาวที่วัดนั้น หลายรูป คุยอะไรกันเหมือนตกใจ อยู่ตรงหน้าประตู ผมก็ออกจากสมาธิ แล้วเดินตรงไปยังสามเณรเหล่านั้น พวกเขาก็กลัว ถอยหลังออกไป แล้วคุยกันเป็นภาษาลาวหรืองงหรือสงสัยว่าผมมาได้อย่างไรกระมัง ผมเลยเห็นท่าไม่ดี ออกไปดีกว่า ก็เลยเดินออกไปจากวัดเสยเฉยๆ พอจะพ้นเขตประตูวัด มีสามเณรรูปหนึ่งอายุมากกว่าเพื่อนๆ รีบมาถามผมเป็นภาษาไทยว่าผมเป็นใคร มาจากไหน พักอยู่ที่ไหน ผมก็ตอบไปบ้าง เท่าที่พอตอบได้ แล้วจากไป จะว่าไปที่สามเณรตกใจ อาจเป็นเพราะโบสถ์นั้นลงดานจากข้างใน แต่ทำไมผมจึงเปิดมันได้กระมัง?!?
Artikel สะเดาะกลอนโบสถ์ลาว ini dipublish oleh Unknown pada hari 2/7/13. Semoga artikel ini dapat bermanfaat.Terimakasih atas kunjungan Anda silahkan tinggalkan komentar.sudah ada 0 komentar: di postingan สะเดาะกลอนโบสถ์ลาว
ผมเดินสำรวจไปทั่วๆ ก็ไม่มีอะไรเลย ไม่มีสถานที่พิเศษให้ดูชม ทั้งธรรมชาติ และสิ่งก่อสร้างใดๆ ไม่มีโบราณสถาน ไม่มีอะไรที่พิเศษ นอกจากบ้านเรือนผู้คน ที่อยู่กันตามปกติ ผมจึงเดินไปเรื่อยๆ จนถึงวัดแห่งหนึ่ง วัดนี้เป็นวัดเล็กๆ ที่ลาวมักทำวัดเล็กๆ มีโบสถ์เด่นอยู่แ่ค่หลังเดียว นอกนั้นก็ไม่มีอะไรมากนัก เห็นพระลาวรูปหนึ่ง กำลังเจิมรถให้ชาวบ้าน อันนี้ไม่ต่างจากคนไทย ผมเดินผ่านไปเห็นโบสถ์ปิด ด้านหนึ่งล็อคกุญแจ ด้านหนึ่งลงดานข้างใน แล้วเกิดความรู้สึกขึ้นมาว่า มาถึงแล้ว ก็ต้องเข้าไปให้ได้ ทำไม โบสถ์ถึงปิด เปิดแล้วก็เปิดไม่ออก เพราะเขาลงดานจากข้างใน เลยเดินวนไปรอบหนึ่ง ไม่เห็นทางเข้าได้จริงๆ ก็เลยไม่รู้ทำไง เอามือเขย่าๆ ประตูแล้วผลักเล็กน้อย ประตูโบสถ์ก็แง้มออกได้ แล้วใช้นิ้วล้วงไปสะเดาะกลอนประตูที่อยู่ด้านในนั้น ประตูก็เปิดออกได้ ผมจึงเข้าไปดูภายใน ไม่มีอะไรแปลกหรือพิสดาร พระพุทธรูปก็ทำแบบธรรมดาๆ พื้นๆ ผมจึงนั่งสมาธิในนั้น รู้สึกว่าเย็นสบายมาก โล่งปลอดโปร่งไปหมด เหมือนได้อาบน้ำทิพย์ชะโลมกายเลย สักพัก มีสามเณรลาวที่วัดนั้น หลายรูป คุยอะไรกันเหมือนตกใจ อยู่ตรงหน้าประตู ผมก็ออกจากสมาธิ แล้วเดินตรงไปยังสามเณรเหล่านั้น พวกเขาก็กลัว ถอยหลังออกไป แล้วคุยกันเป็นภาษาลาวหรืองงหรือสงสัยว่าผมมาได้อย่างไรกระมัง ผมเลยเห็นท่าไม่ดี ออกไปดีกว่า ก็เลยเดินออกไปจากวัดเสยเฉยๆ พอจะพ้นเขตประตูวัด มีสามเณรรูปหนึ่งอายุมากกว่าเพื่อนๆ รีบมาถามผมเป็นภาษาไทยว่าผมเป็นใคร มาจากไหน พักอยู่ที่ไหน ผมก็ตอบไปบ้าง เท่าที่พอตอบได้ แล้วจากไป จะว่าไปที่สามเณรตกใจ อาจเป็นเพราะโบสถ์นั้นลงดานจากข้างใน แต่ทำไมผมจึงเปิดมันได้กระมัง?!?
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
0 comments:
Post a Comment