เมื่อเดินทางไปถึงเชียงรายแล้ว ผมลงจากรถโดยสาร เห็นป้ายโฆษณา "ครูจูหลิง" อยู่ปากทางเข้าซอยด้วย อ้าว อยู่ใกล้กันดีจัง ผมต้องจ้างรถมอเตอร์ไซต์เข้าไป ระยะทางยาวไกลพอควร เรียกว่าแยกตัวออกห่างจากความเป็นเมืองได้อย่างแท้จริง ผ่านทุ่งนากว้างเวิ้งว้างและทิวเขาโดยรอบ ก็ถึงวัด ซึ่งยังสร้างไม่เสร็จ โดยเฉพาะ "พระศรีอาริยเมตตรัย" ที่เขาว่าใหญ่ที่สุดในประเทศไทยได้มังครับ (ใหญ่มากจริงๆ) ก่อนหน้านี้ผมก็เคยแวะเข้าไปที่ศรีราชา เพื่อดู "เจ้าแม่กวนอิมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย" มาก่อนเหมือนกัน ก็ใหญ่จริงๆ นั่นแหละ ยังกะหอบูชาฟ้าดิน ด้านบนจะเปิดโล่งเห็นท้องฟ้า เรียกว่า "ฮวงจุ้ยสุดยอด" เลย เอาละ ที่นั่นมีสามเณรมหายานเยอะ คงไม่ได้คิดอะไรกันมากหรอก นอกจาก จนไม่มีเงินเรียนตามระบบปกติ ก็ได้เสวยบุญเข้ามาเรียนในสายธรรมมหายานครับ ผมเดินสำรวจไปทั่วๆ ก็ลองเคาะๆ เครื่องทำสมาธิในโบสถ์มัง เบาๆ ดู ก็ไหนๆ มาแล้วนี่ก็สร้างบารมีหน่อยหนึ่ง ทำสมาธิก็ได้มัง แล้วพระที่นอนหลับกลางวันอยู่ด้านหลัง (ผมไม่เห็น) ก็เลยตื่นขึ้นมาโบกมือไล่ผมไำป ผมเลยออกจากโบสถ์ ไปด้านหลังก็เลยพบ "หลวงพี่สุดหล่อ" กำลังก้มๆ เงยๆ คุยกับสาวสวยคนหนึ่งอยู่ ช่วยกันมัดพันอะไรไม่รู้กันสองต่อสอง เราก็เลยทำเป็นบิดๆ ขยับๆ เหมือนออกกำลังกาย แล้วเขาทั้งสองก็เลย "ชะแว้บ" หายไป ผมก็เลยเดินไปสำรวจที่อื่นต่อ สำรวจไปสำรวจมา ดันมาเจอหลวงพี่สุดหล่อ กับสาวสวยคู่เดิม จู๋จี๋กันอย่างเดิม เป๊ะเลย เลยอุ๊ว่ะ โมโห ตรูไปดีกว่า วัดห่าอะไรว่ะเนี่ย? ยิ่งใหญ่ สวยงามแต่ว่า ... แล้วก็เลยเดินออกจากวัดเลยครับ
ไม่นานก็มีเป็ดฝูงหนึ่ง (เป็ดหรือห่านไม่แน่ใจนะครับ) สัก ๗ หรือ ๙ ตัวนี่แหละ จำไม่ค่อยได้ (ตอนก่อนมา ผมเห็นแล้ว จะเข้าไปเล่นกับมัน มันก็หนีเหมือนเป็ดทั่วๆ ไปตามปกติครับ) แต่คราวนี้ มันรีบเดินมาหาผมใหญ่เลย แล้วมีอยู่สองตัวที่เป็นผู้นำ มีน้ำตาไหลออกมาด้วย แต่มันยังเดินมาไม่ถึงเรา ก็มีหมาน้อยตัวหนึ่ง มาขวางเรากับเป็ดเอาไว้ แล้วก็เห่าไล่เราใหญ่เลย (หมายถึงใครกันหว่า?) เราก็เอ๊ะใจแล้ว? เลยหยุดสักหน่อย ไล่หมาตัวนั้นไป แล้วมันก็ทำท่าจะคุยกับผม ผมก็เลยให้มันนำทางไป (นึกในใจแค่นั้นครับ) มันก็ออกเดิน แล้วก็โย้หัวไปทางซ้ายที ขวาที พร้อมกันทั้งหมดเลยครับ เราก็เลยเอ้า อะไรว่ะ มันจะไปทางไหนของมันเนี่ย? ว่าแล้วผมก็เลยเดินนำหน้ามันซะเลย แล้วมันก็เดินตามมาทั้งฝูงครับ แล้วผมก็นึกในใจถามมันว่าจะให้ผมไปหาใคร? ผมเห็นพระแล้ว ก็เลยหยุดแล้วถามในใจว่า "ใช่ไหม?" มันก็เสียงแตกครับ ร้องไปคนละเรื่องละราว ผมก็เลยคิดว่าไม่ใช่แล้ว ว่าแล้วก็เจอแม่ชีอีกครับ ถามว่า "ใช่ไหม?" มันก็เสียงแตกอีก ก็เลยเดินต่อไป จนพบสามเณรสองรูปครับ นั่งอยู่ ทีนี้ ผมหันหลังให้สามเณรแล้วหันหน้าไปหาเป็ด ใช้นิ้วชี้ที่สามเณรสองรูปนั้น (ชี้ไปข้างหลัง) แล้วก็ถามเป็ดในใจว่า "ใช่ไหม?" ปรากฏว่า "เป็ดทุกตัวจากที่มีเสียงดังเล็กๆ น้อยๆ เงียบกริบหมดเลยครับ" อ้อ แสดงว่าใช่แล้ว เสียงไม่แตก แล้วมันก็เดินต่อไป ยังกะไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเมื่อกี้เลย กลายเป็นเป็ดธรรมดาไป อ้าว เป็นอย่างนั้นซะได้ ผมก็เลยเข้าไปหาสามเณรสองรูป ในมือผมมีหนังสือธรรมะอยู่ ๒ เล่ม ผมเลยเข้าไปนั่งใกล้ๆ สามเณร ยื่นหนังสือให้เล่มหนึ่ง สามเณรไม่กล้ารับ เพราะผมเป็นคนแปลกหน้าไงครับ ผมเลยบอกว่า "หนังสือไตรปิฎก" แล้วสามเณรก็รับไป แค่นั้นแหละ ผมก็กลับเลยครับ ...
0 comments:
Post a Comment