แล้ววันหนึ่ง สามเณรคู่หูก็ไปเห็นพระรูปหนึ่ง ที่มาเรียนวิชาอาคมกับเจ้าอาวาสวัดเรา (เจ้าอาวาสคนนี้มีเวทย์มนต์คาถาเยอะ) ตกกลางคืน คนอื่นนอนหลับกันแล้ว กุฏิพระที่สามเณรไปคุยด้วย ด้านหลังเป็นป่าช้าก็เลยมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นพระรูปนั้น ไปทำอะไรใต้ต้นยางใหญ่ในป่าช้า ตอนเช้ามา ก็มีคนมาใส่ร้ายว่าเป็นสามเณรคู่หูเราบ้าง (พระรูปนั้นร่างอ้วนเหมือนคู่หูเรา) มั่วไปหมด เราก็เลยไปสำรวจดูก่อนพบว่ามีร่องรอยการทำพิธีบางอย่าง คือ มีธูปปักอยู่ใต้ต้นยางใหญ่นั้น ชักไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว เราไม่ทราบว่าใครทำอะไร? เพื่ออะไร? เพราะเราไม่ได้เรียนคาถาอะไรแบบเขา แต่เราก็คิดว่าเราจะลองปลดปล่อยภูติผีที่ต้นไม้ต้นนี้ดู ด้วยเพราะเราเคยทำมาแล้ว (ที่หลวงพ่อโตพาไปป่าหิมพานต์นั่นแหละ) เราก็เลยชวนสามเณรคู่หูออกมาด้วย เราทำหน้าที่ไปสามเณรก็เพ่งทางในดูผลไปคอยรายงานเรา เขาเห็น "ดวงไฟกลมๆ จำนวนมากมายสีแดงหม่น" อยู่ในต้นไม้ต้นนั้นเยอะแยะ พอเราทำการปลดปล่อยแล้ว ดวงไฟเหล่านั้นกลายเป็น "สีฟ้าสว่างขึ้น" แล้วก็ลอยออกไปจากต้นไม้นั้นเหมือนพุไฟเลย แล้วตัวที่ยากที่สุด คือ เห็นเป็นดวงไฟดวงใหญ่ที่สุด มาทีหลังสุด และอยู่ลึกในสุด ก็ค่อยๆ ออกมา ตนนี้ เราใช้เวลานานกว่าตนอื่นๆ จนกระทั่งสำเร็จ เขาก็ล่องลอยออกไปจากต้นยางใหญ่ในป่าช้านั้น (เราเข้าใจเอาว่าดวงไฟนั้นน่าจะเป็น "จิตวิญญาณ" แต่เราเห็นในรูปนี้แทนที่จะเป็นรูปร่างอย่างอื่น) จากนั้น เมื่อภูติผีกลุ่มนั้นออกไปหมดแล้ว ก็มี "เทวดาชั้นดาวดึงส์" องค์หนึ่ง อาสาลงมาเป็น "รุกขเทวดาประจำต้นยางใหญ่" ในวัดนั้น ผมและสามเณรจึงมอบยันต์ทิพย์ให้รุกขเทวดา เผื่อกันภัยจากคนรบกวน (เพราะเกรงว่าพระรูปนั้นจะมารบกวนเขาอีกด้วยกำลังร้อนวิชา เรียนวิชามาเยอะ คงอยากลองวิชาบ้างกระมัง)
ทำให้เราสงสัยว่าในต้นไม้ต้นนี้ จะเป็นแหล่งซ่องสุมของภูติผีจำนวนมากที่ไม่ได้ไปผุดไปเกิดเสียที มาช้านานแล้ว และคงมี "ปีศาจตัวพญา" คอยควบคุมภูติผีตนอื่นๆ อยู่ ซึ่งป่าช้านี้เป็นป่าช้าเก่า ก่อนที่ผมจะทำการปลดปล่อยฯ ป่าช้าจะน่ากลัวและไม่ค่อยมีใครอยากเข้าไป หลังจากนั้นไม่นาน มันก็เปลี่ยนไปครับ แถมเวลาจัดงานวัด ยังจัดกันในป่าช้าได้เลย ก็แปลกดี? สำหรับเรื่องนี้ อาจไม่ค่อยสนุกเหมือนเรื่องโปเยโปโลเยนัก แต่ก็มีส่วนคล้ายกันบ้างนิดหน่อย (ตรงต้นไม้ปีศาจแหละ) ขอจบลงเพียงเท่านั้นครับ
0 comments:
Post a Comment