บึงบำเพ็ญ : ศึกชิงโยคีน้อย

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ ๕ ปีก่อน (ประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๐-๒๕๕๑) เมื่อผมยังปฏิบัติธรรมในเพศฆราวาส ห่มขาว ยังไม่ได้บวชเป็นเณร ตอนนั้น ผมได้ไปปฏิบัติที่สถานธรรมแห่งหนึ่ง ซึ่งอาจารย์ผมให้ทดลองไปฝึกตนที่นั่น ท่านก็เล่าว่ามีหลายคนไปมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้อยู่ประจำ มีเรื่องให้ต้องออกมาเรื่อยๆ เพราะที่นั่นเป็นสถานธรรมพิเศษครับ ครึ่งหนึ่งเป็นพราหมณ์ ครึ่งหนึ่งเป็นพุทธ ก็ตรงกับใจผมพอดี ผมกำลังหาสถานที่ไม่แบ่งแยกพราหมณ์และพุทธ และทำให้ทั้งสองอย่างอยู่ร่วมกันได้พอดี ซึ่งไม่ใ่ช่ที่ของสงฆ์ เป็นสถานที่ส่วนบุคคลครับ มีเจ้าของซึ่งเขาค่อนข้างเคร่งครัดครับ ผมไปในช่วงวันถือศีลของทางพราหมณ์พอดี ไม่ใช่น่าจะเป็นศิวราตรี แต่เป็นอย่างอื่นนะครับ ที่ต้องมีการทำพิธีบูชาไฟ และเจ้าของสถานที่ก็ได้เป็นครูผม สอนบูชาไฟด้วย เป็นแบบอินเดียโดยตรง ถูกต้องตามแบบแผนดั้งเดิม ไม่ใช่ของไทยครับ ซึ่งผมก็ต้องการพอดี เพราะอยากเรียนรู้ว่าของอินเดียจริงๆ เขาเหมือนไทยหรือเปล่า ซึ่งก็ต่างกันครับ ผมจึงต้องกินเจและต้องทำพิธีบูชาไฟตลอดช่วงนั้น ในขณะเดียวกันผมบำเพ็ญธรรมไปด้วยในแบบของผม กล่าวคือ ผมเห็นสถานที่เหมาะสม ไม่มีผู้คน และด้านหลังเดินออกไปไม่ไกลเกินไปนัก จะมีบึงขนาดกลางๆ ไม่ใหญ่มาก ไม่เล็กเกินไป ไม่มีคนเลย ผมก็เลยจะบำเพ็ญแบบลัทธิทิคัมพรดู คือ นุ่งลมห่มฟ้า แต่ไม่ใช่ตลอดเวลานะครับ ทำไม่ได้ เฉพาะช่วงที่จะทำสมาธิเท่านั้น แล้วผมก็เลยฝึกด้วยการเปลือยกาย ทำสมาธิท่านั่งบ้าง, ยืนบ้าง ฯลฯ ในสถานที่นั้นครับ ผมไม่ได้เน้นทำทุกขกริยาอะไร เพียงแ่ต่เริ่มต้นจากความสงสัยที่ไม่ใช่วิจิกิจฉาว่า "ทำไมจึงต้องนุ่งลมห่มฟ้า" แล้วก็ทดลองปฏิบัติไปครับ ขณะนั้นเราก็ยกกามขึ้นมาพิจารณา และให้กามมันเกิดมาเลย จะไ้ด้เข้าใจและเห็นไงครับว่ามันคืออะไรกันแน่ แล้วผมก็ถามตัวเองว่า "กามอยู่ไหน?" มันอยู่ที่ร่างกายที่เปลือยเปล่าของผมหรือไม่? หรืออยู่ที่ร่างกายคนอื่น? มันก็ได้คำตอบว่า "เปล่านี่?" แล้วกามมันอยู่ไหนละ? ไม่ใช่ร่างกายเปลือยเปล่า เป็นกามหรอกหรือ? ผมก็ได้คำตอบว่า "ไม่ใช่ กายนี้ก็เป็นเพียงธาตุสี่ ไม่ต่างจากธาตุที่ผมพิจารณาเบื้องหน้านั้นเลย" กล่าวคือ ผมพิจารณาธาตุสี่ ดิน, น้ำ, ลม, ไฟ ในบริเวณนั้นประกอบไปด้วยครับ เลยเห็นว่าร่างกายที่เปลือยอยู่นี้ ไม่ต่างกันกับธาตุทั้งสี่นั้น แล้วก็เกิดประกายขึ้นมาว่า "กามก็มาจากความคิดเองนั่นแหละ" ความคิดที่ปรุงแต่งไปว่า "กายนี้งาม กายนั้นไม่งาม" กายนี้น่าอภิรมย์ กายนั้นไม่น่าอภิรมย์ ฯลฯ


ไม่นานนัก ผมก็เฉยๆ นะ ไม่มีอะไรพิเศษ ไม่ได้มีแสงสว่างโอภาส, ปีติ, ตัวลอย หรืออะไรทั้งนั้น เฉยๆ ครับ ไม่ได้เห็นกามเป็นสิ่งที่ดีหรือเลว บวกหรือลบ ฯลฯ อะไรเลย ก็เห็นมันเหมือนธาตุสี่ ธรรมชาติทั้งหลาย นั่นแหละ ยังเหลือเวลาอีกไม่กี่วัน ผมก็จะบูชาไฟครบกำหนดแล้ว ทว่า มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น จู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งมานั่งรอในโบสถ์พราหมณ์ โดยไม่บอกไม่กล่าว ใครไม่รู้ มาจากที่ไหนไม่รู้ แล้วก็มาเจอผม เขาบอกผมว่า "เบื้องบนให้มาหา" แล้วก็คุยอะไรไม่ค่อยรู้เรื่อง ผมฟังแล้วก็งงๆ แต่ก็ฟังได้ครับ ฟังไป เขาคุยให้เราฟัง เราก็ฟังครับ เขาก็เลยสอนผมให้สัมผัสพลังในเทวรูปต่างๆ ด้วย ในช่วงนั้นเอง ทางเจ้าของสถานที่ ซึ่งกำลังต้องการคนช่วยเหลือซ่อมแซมสถานธรรมอยู่ ก็ได้คนๆ หนึ่ง ซึ่งเกี่ยวข้องกับนักการเมือง อาสาตัวมาช่วยซ่้อมแซมสถานธรรมให้ เขาเป็นผู้ใหญ่ มีอายุมากแล้ว และดูภูมิฐานน่านับถือทีเดียว (เปลือกนอกดูดีมาก) พอมาถึง ก็ข่มผมด้วยอายุก่อนเลย แล้วก็บอกว่าเขาทำงานนี้ได้ สอนธรรมะคนได้ (แต่ผมทำไม่ได้นะ อะไรแบบนั้น) ผมก็เห็นเล่ห์เหลี่ยมที่แนบเนียนของเขาแล้ว แต่ไม่อยากจะว่าอะไรเขา เขาก็เอาความดีเข้าซื้อใจผมด้วย ให้ผมทำงานให้แล้วจะได้มีรายได้ เขาจะให้เงินผมครับ บวกกับทางเจ้าของสถานธรรมก็บอกว่าเขาอยากให้ผมดูแลที่นั่นไปยาวๆ เลย แล้วเขาจะช่วยเรื่องที่แม่ของผมมีหนี้มาก (สักไม่เกินสองแสนน่ะครับ) ให้เราไม่ต้องกังวล กลายเป็นว่าตอนนี้ ผมกำลังถูกดึงอยู่สองฝ่าย คือ ฝ่ายเจ้าของสถานธรรมแห่งนี้ และฝ่ายผู้หญิงคนหนึ่งที่อ้างว่าเบื้องบนให้มาหานั่นเอง (ทั้งสองฝ่ายก็สอนธรรมะและอะไรๆ ให้ผมทั้งคู่ครับ ทำให้ผมนึกถึงยายเฒ่าทาริกาและหลีชิวสุ่ยมาก เพราะว่าผู้หญิงทั้งสองคนเหมือนนั้นมากๆๆ เลยครับ ฮ่าๆๆ) ทว่า ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ผมรู้สึกว่าท่าจะไม่ดีแล้ว ผมเลยขอเบอร์ผู้หญิงคนนั้นที่บอกว่าเบื้องบนให้มาหาแล้วยังสอนอะไรผมอีก โทรขอให้เขามารับผมไปทันที ผมต้องการไปด่วน ไม่อยู่แล้วครับ 555 ศึกชิงโยคีน้อย (ผมเิอง) ก็เลยจบลงด้วยประการฉะนี้




Penulis : Unknown ~ Sebuah blog yang menyediakan berbagai macam informasi

Artikel บึงบำเพ็ญ : ศึกชิงโยคีน้อย ini dipublish oleh Unknown pada hari 11/19/12. Semoga artikel ini dapat bermanfaat.Terimakasih atas kunjungan Anda silahkan tinggalkan komentar.sudah ada 0 komentar: di postingan บึงบำเพ็ญ : ศึกชิงโยคีน้อย
 

0 comments:

Post a Comment