Aura

Aura (ออร่า) ก็คือ "ฉัพพรรณรังสี" ในพุทธศาสนานั่นเอง ซึ่งปัจจุบัน พิสูจน์ให้เห็นจริงได้แล้วด้วยเึครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ ที่เรียกว่า "กล้องเคอเลี่ยน" เป็นกล้องที่สามารถถ่ายภาพออร่าได้ครับ ถามว่า ออร่าคืออะไร มันก็คือ "พลังงานชนิดหนึ่ง" ที่พบเป็นเอกลักษณ์ในสิ่งมีชีวิต หรือแม้แต่สิ่งที่ไม่มีชีวิต ก็อาจพบได้ เช่น พระเครื่อง ก็มีออร่าได้, ของใช้ที่ผู้มีพลังจิตใช้บ่อยๆ ก็มีพลังงานออร่าติดอยู่ได้ ฯลฯ นอกจากนี้ ในทิเบตยังมีวิทยาการที่ศึกษาเรื่อง "ฉัพพรรณรังสี" ไว้มากมายรวมอยู่ในหมวดเรื่อง "ซกเชน" โดยเฉพาะ จะกล่าวถึง คุณสมบัติของรังสีสีต่างๆ (ออร่าสีต่างๆ) ที่ผู้ฝึกพลังจิต สามารถนำไปใช้ได้ีครับ นอกจากนี้ บางท่านซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ ก็ได้ใช้กล้องเคอเลี่ยนนี้ ในการ "ถ่ายภาพผี" ซึ่งปรากฏให้เห็นเป็นแสงเรืองๆ (แสงออร่า) และสามารถศึกษาเรื่องผีนี้ เป็นวิทยาศาสตร์ได้ึีัครับ เรื่องราวของออร่า มีอ้างอิงอยู่ในเอกสารวิทยาศาสตร์สมัยใหม่มากมาย ผมจะขอยกตัวอย่างสักหนึ่ง ดังนี้ครับ




Aura : ออร่าสำคัญอย่างไร


       Dr. Harold Burr แห่ง Yale University ได้ค้นพบในปี ค.ศ.1940 ถึงชีวิตของมนุษย์ขณะเริ่มปฏิสนธิ “ออร่า” (Etheric Body) จะเกิดขึ้นก่อน ออร่าที่เกิดขึ้นเริ่มแรกนี้จะเป็นตัวกำหนดและควบคุมให้เกิดการสร้างอวัยวะต่างๆ ของร่างกายมนุษย์ หรืออาจเรียกได้ว่า ออร่าควบคุมอวัยวะ

 

          แพทย์หญิง Shafica Karagulla  เป็นจิตแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญทางระบบประสาท (Neuropsychiatrist) เรียนจบจากอังกฤษ ไปทำงานอยู่ในแคนาดา และนิวยอร์ค ได้ทำการศึกษาค้นคว้าเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับจิตของมนุษย์ เป็นเวลา 12 ปี ร่วมกับเพื่อนชื่อ Dora Van Kunz ผู้มีพลังจิต และมีตาทิพย์ (Clairvoyance) ซึ่งได้รับการยอมรับระดับโลก โดยใช้ “พลังจิต” สำรวจตรวจสอบความผิดปกติของร่างกาย ส่วนแพทย์หญิง Karagulla จะใช้หลักการแพทย์ปัจจุบันเพื่อวิเคราะห์หาเหตุผลทางการแพทย์ และทั้งสองท่าน ได้บทสรุปร่วมกันว่า โรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นแก่ร่างกายของเรา (กายหยาบ หรือกายเนื้อ) แท้ที่จริงแล้วเริ่มแรกจะเกิดที่ “ออร่า” (กายละเอียด หรือ กายทิพย์) ก่อน หากไม่ได้รับการบำบัดชะล้าง และมีมูลเหตุปัจจัยต่างๆ ไปสนับสนุน ก็จะแทรกซึมลึกลงไปสู่กายเนื้อ ถึงอวัยวะต่างๆ ก่อให้เกิดความเจ็บป่วย ไม่สบาย และก่อเกิดโรคต่างๆ ขึ้น

(ข้อมูลจากหนังสือ The Chakrasand Human Energy Field)

 

          Dr. Joe H.Slate เป็นผู้ศึกษาค้นคว้าเรื่อง “ออร่า” ที่โด่งดังไปทั่วโลก เป็นนักจิตวิทยาผู้มีชื่อเสียง มีผลงานด้านพลังจิตที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง เป็นปรมาจารย์ที่มีผลงานมากมาย และเป็นที่ปรึกษาแก่ นักศึกษามหาวิทยาลัย Athens State University, Alabama เป็นผู้ก่อตั้งสถาบันปรจิตวิทยา ฯลฯ และท่านเป็นผู้แต่งหนังสือ Aura Energy for Health Healing & Balance และหนังสือ Projection & Psychic empowerment

 

          Dora Van Gelder Kanz ได้แต่งหนังสือชื่อ “The Personal Aura” ได้กล่าวถึง ออร่าของแต่ละบุคคล ทั้งที่เป็นปกติ และป่วยเป็นโรค

 

          Dr. Shafica Karagulla M.D. และ Dora Van Gelder kunz ได้แต่งหนังสือ “The Chakras and the Human Energy Fields" กล่าวถึงการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ของระบบพลังสุขาวดี

ออร่า ไขปริศนาชีวิต


ภาษาทางเทคนิคเรียกว่า  ไบโอฟีดแบค (Biofeedback)

พลังแม่เหล็กไฟฟ้านี้ มีอยู่ในตัวเราทุกคน..ซึ่งจะทำงานประสานกันกับต่อมฮอร์โมนไร้ท่อต่างๆในอวัยวะภายใน  และรวมถึงการทำงานของคลื่นสมอง ที่มีการสั่นสะเทือนเป็นคลื่นความถี่  ตั้งแต่ระดับต่ำสุดจนถึงสูงสุดคือ

                     Beta Wave         คลื่นความถี่ระดับ          13           ไซเคิลขึ้นไป/วินาที

                     Alpha Wave       คลื่นความถี่ระดับ         8-12         ไซเคิล/วินาที

                     Tetra Wave        คลื่นความถี่ระดับ         4-7           ไซเคิล/วินาที

                     Delta Wave        คลื่นความถี่ระดับ          2-4          ไซเคิล/วินาที

                     Cosmic Wave     คลื่นความถี่ระดับ            1           ไซเคิล/วินาที
คลื่นสมองที่มีการสั่นสะเทือนนี้  เกิดจากสภาวะจิตและกายของแต่ละบุคคล  ซึ่งจะแผ่รังสีออกมาเป็นรัศมีปกคลุมห่อหุ้มอยู่รอบๆร่างกายของเรา  จะมีเฉดสีแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล  อันบ่งบอกถึงสุขภาพร่างกาย จิตใจ เรื่องราวปัญหาต่างๆแห่งชีวิตของเราซึ่งเราสามารถรับรู้และเห็นได้ด้วยการถ่ายภาพออร่า  อันเป็นสมมุติฐานหรือต้นเหตุของปัญหาต่างๆ  เพื่อเราจะสามารถป้องกันและแก้ไขชีวิตของเราได้ด้วยดี
 

0 comments:

Post a Comment