เห็นจิต เห็นวิญญาณ?

เรื่องนี้เกิดขึ้นช่วงที่ผมยังบวชเป็นเณร และมีสามเณรคู่หูคอยช่วยเหลือ ช่วงนั้น สามเณรได้ตาทิพย์ใหม่ๆ เลยให้เขาดูสิ่งที่ควรดู เป็นธรรมะก่อน นั่นคือเพ่งดูภายในกายของตัวเองเรียกว่า "ธรรมกาย" ในแบบของผมก็แล้วกัน เพราะต่างจากของวัดพระธรรมกายไปบ้างเล็กน้่อย อย่างแรก ก็ให้สามเณรเข้าสู่สมาธิ รอให้จิตนิ่งดีแล้ว ก็ค่อยๆ นึกน้อมดูภายในกายของตน สามเณรเห็น "คนๆ หนึ่งเหมือนฤษี" อยู่ข้างๆ กายทิพย์ตัวเอง ผมเลยบอกว่าอันนี้ เป็นกายทิพย์ผมเอง กำลังนำทางสามเณรอยู่ สามเณรเห็นนิมิตดอกบัวดอกหนึ่งขึ้นมาก่อน อ่ะ... ไม่เป็นไร ก็ค่อยๆ ทะลวงผ่านนิมิตรนั้นไป ก็เพ่งดูดอกบัวนั้น ผมบอกว่า "ดอกบัวยังไม่ใช่ของทิพย์จริง" เป็นเพียงนิมิตรนะ อะไรที่เป็นนิมิตรจำต้องตีความ เพราะเป็นเพียงภาพปริศนาธรรมเท่านั้น ผมจึงบอกว่าสิ่งนี้ หมายถึง "โพธิจิต" แต่เราจะดูให้ลึกต่อไป ก็พบดวงแก้วดวงหนึ่ง อ่ะ แสดงว่ามาตรงทางแล้ว (อาศัยธรรมของหลวงพ่อสดที่ท่านค้นพบเป็นพื้นฐานนะครับ ไม่ไ่ด้รู้เอง) ใช้ได้ ก็เพ่งดูให้ลึกขึ้นต่อไป จากนั้น สามเณรก็เห็นเป็นเหมือนหนัง เป็นเรื่องราวขึ้นมาเลย ผมจึงบอกว่า "นี่เป็นอดีตชาติของสามเณรนะ" ที่สามเณรสร้างบารมีมาจนได้บรรลุโพธิจิต (จำเรื่องราวที่สามเณรบอกอดีดชาติของเขาไม่ได้แล้วครับ ต้องขออภัย) จากนั้นไม่นาน ภาพก็ดับหายไป แสดงว่า "ขณะนี้ญาณหยั่งรู้อดีตของสามเณรสิ้นสุดได้เท่านี้นะ" ก็เพ่งต่อไป สามเณรก็เห็น "กายทิพย์" เหมือนคนดูงดงาม ดูดี คนหนึ่ง ผมจึงบอกว่านี่แหละ "กายทิพย์" ของสามเณร หรือวิญญาณขันธ์ นั่นแหละ สามเณรก็ฝึกไปเรื่อยๆ เพ่งลึกไปเื่รื่อยๆ จากดวงแก้วทะลุเจอกายทิพย์ เพ่งดูในกายทิพย์เจออีกหนึ่งดวงแก้ว (เออ จริงดังคำสอนของหลวงพ่อสดนะเนี่ย ถ้าไม่ได้ท่านบอกนำทางไว้ คงไม่ได้มาถึงขั้นนี้ได้) จนหมดแล้ว ทีนี้ อธิษฐานดูกายทิพย์ทั้งหมด ก็ปรากฏทั้งหมด เรียงกันมาพร้อมกันเลย (พอจิตมันรู้ทางแล้ว ต่อมา ก็ไม่ยากเลย) ก็เห็นว่าคนเรามีกายซ้อนกาย หลายกาย อยู่ภายในจริงๆ ดังคำสอนของหลวงพ่อสด และตามไตรปิฎกที่ว่า "กายในกาย" เวลาปฏิบัติสติปัฏฐานสี่ เขาให้เพ่งดู "กายในกาย" อ้อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง (ถ้าไม่ทำ ก็ไม่ีรู้)


ว่าแล้ว เราก็อยากเห็นสิ่งที่เรียกว่า "จิต" ดูว่า มันต่างจาก "วิญญาณ" อย่างไีร เพราะเราเคยอ่านมาพบว่า "มโนธาตุ" ก็ตัวหนึ่ง "วิญญาณธาตุ" ก็ตัวหนึ่ง คนละตัวกัน จิตก็อย่างหนึ่ง นิพพานก็อย่างหนึ่ง คนละอย่างกัน (ในปรมัตถธรรม แบ่งธรรมทั้งหลายออกเป็นสี่หมวด คือ จิต, เจตสิก, รูป และนิพพาน) แล้วเขาก็เพ่งดู เห็น "จิต" นั้น ไร้รูปร่างที่แน่นอนชัดเจน เหมือนแสงสว่างโพลงออกมา เหมือนดาวประกายแสงจ้าอย่างนั้น เราก็เข้าใจแล้วว่า "นี่คือ ดวงจิต" ที่เรียกว่าดวงจิต ยังไม่ใช่จิตแท้ๆ แต่เป็น "ผลจากจิต + รูป" ถ้าจิตไม่ผสมโรงไปกับรูปขันธ์ ก็ไม่เป็นเช่นนี้ ไม่เห็นเช่นนี้ เหมือนที่ท่านตั๊กม้อเคยบอกลูกศิษย์คนหนึ่งว่า "ถ้าเธอเห็นจิต มันจะเป็นจิตได้อย่างไร?" เพราะจิตนั้นเป็น "นาม" มิใช่ "รูป" (เมื่อพิจารณาธรรมโดยแยกเป็น รูปและนาม นั่นเอง) เหมือนฝรั่งถ้ามาศึกษาเรื่องจิต ไม่อาจเข้าใจได้ทั้งหมด ก็จะมองผ่านมุมใดมุมหนึ่ง เช่น มุมของพลังงาน ก็จะมองว่าจิตคือพลังงานรูปหนึ่ง ก็ว่ากันไป แต่ที่เข้าใจว่าจิตเป็นพลังงานนี้ ก็ยังเป็นความเข้าใจในระดับเปลือก ยังไม่ถึงแก่นแท้เสียทีเดียว แต่จะรีบสรุปว่าใช่หรือไม่ใช่ นั้น คงไม่ได้ เอาเป็นว่าใครสัมผัสพบเจอแบบไหน ก็อย่าเพิ่งหลงเชื่อทันทีในแบบที่เห็น เพราะ "รูป" มันพรางตาเราได้ แต่ก็ใช่ว่าจะผิดไปเสียทีเดียว ไม่เช่นนั้นจะไปคุยกับใครเขารู้เรื่องแม้แต่บรรพบุรุษของเราที่เขาได้พบเจอมาบ้างเหมือนกันแล้วจึงให้คำเรียกว่า "ดวงจิต" มาให้เราใช้เรียกกัน (โปรดอย่าดูถูกบรรพบุรุษ) จบ!



Penulis : Unknown ~ Sebuah blog yang menyediakan berbagai macam informasi

Artikel เห็นจิต เห็นวิญญาณ? ini dipublish oleh Unknown pada hari 12/18/12. Semoga artikel ini dapat bermanfaat.Terimakasih atas kunjungan Anda silahkan tinggalkan komentar.sudah ada 0 komentar: di postingan เห็นจิต เห็นวิญญาณ?
 

0 comments:

Post a Comment