ขึ้นขันธ์

เรื่องนี้เกิดขึ้นประมาณเมื่อ ๗ ปีที่แล้ว เมื่อครั้งผมลาออกจากงานใหม่ๆ ช่วงนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายในชีวิตและผมอยู่ต่างจังหวัด จึงยังไม่ได้เล่าอะไรให้แม่ฟัง แต่อาจจะด้วยลางสังหรณ์ของแม่พอจะมีบ้าง ก็คงรับรู้อะไรได้บ้าง แม่ก็ทำเหมือนชาวบ้านทั่วไปคือ ไปหาหมอดู, คนทรง ฯลฯ มาทำนายทายทักชีวิตผม ซึ่งผมไม่ชอบเอามากๆ เพราะอะไร? ๑. ผมเป็นคนยุคใหม่ ยุคไวไฟ (WiFi) ครับ ๒. ผมเรียนมาทางสายวิทยาศาสตร์แต่มาจบทางบริหารเท่านั้น ๓. ผมไม่ชอบพวกคนทรง ๔. ผมไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับชีวิตหรือมาบงการชีวิต สรุปตุ๊บตั๊บ แล้วก็คือ ผมไม่ชอบให้คนทรงมายุ่งหรือทำนายอะไรในชีวิตของผม คือ ถ้าเขาทำนายแล้วเราไม่ทำตามก็เป็นเรื่องอีก (อะไรวะ?) ชีวิตข้า อยู่ๆ ให้เอ็งมาชี้นิ้วสั่งให้ไปทำนั่นนี่อะไร ได้ไง? อะไรประมาณนั้น นอกจากนั้น ผมยังชอบไปว่าพวกเขาลับหลังด้วย คือ ไม่อยากมีเรื่องก็ว่าลับหลังว่างมงายอะไรประมาณนั้น และแล้ว สวรรค์ก็ลงทัณฑ์ประมาณว่า "ไอ้ห่้า มึงด่าเขามาก มึงดูถูกเขามาก แต่มึงไม่รู้จริง มึงก็ไปเป็นซะ" คือ แม่ผมไปหาคนทรงซึ่งเป็นอาจารย์เก่าของผมเองสมัยผมเรียนมัธยมและผมก็ชอบอาจารย์ท่านนี้ (ท่านเป็นคนดีเชื่อใจได้ครับ เมื่อก่อนไม่ใช่คนทรง แต่มาเป็นเองภายหลังแบบไม่ได้เจตนา) แล้วคนทรงซึ่งเขาเป็นครูเก่าผม เขาก็บอกแม่ว่าให้ผมไปขึ้นขันธ์เสีย ไม่ได้บอกอะำไรมาก บอกว่าให้ทำเอง เรียนรู้เอง แล้วจะเข้าใจเองแหละ ซึ่งตอนนั้น ผมไม่ได้อยู่แถวบ้าน ก็ไม่สามารถไปหาตำหนักทรงอะไรได้ (คนละจังหวัด ความเชื่อ ความชอบต่างกัน) ผมรู้จักก็แต่ศาลเจ้าแม่กวนอิมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศมั้ง เขาว่าอย่างนั้น กำลังก่อสร้างยังไม่เสร็จสมบูรณ์นักแต่ก็มีพื้นที่เปิดโล่ง ด้านบน เรียกว่าทำพิธีบูชาฟ้าดินได้สบายๆ ผมก็เลยไปทำพิธีเสียให้มันจบๆ ไป จะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายกับผมอีก ทำให้แม่สบายใจ เพราะคุยกับแม่แล้วรับปากแม่ไป ก็ต้องทำครับ จะปฏิเสธ แม่ก็จะเสียใจอีก


แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับผมแบบคนทรงทั่วไป ตั้งแต่นั้นมาผมไม่เคยเข้าทรงอะไรทั้งนั้น แต่พอสังเกตุได้ว่าบางทีถ้าเราจิตอ่อน สติอ่อนกำลัง มันมีอาการคล้ายๆ คนทรงได้เช่นกัน คือ เหมือนจะอาเจียนทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรออกมา หรือหาว, เรอ ฯลฯ หรือบางครั้งเหมือนจะวูบแล้วเป๋ ทรงตัวไม่ไหว แต่พอรู้ตัว มีสติก็กลับมาปกติได้ตลอด เรียกว่า ถ้าผมกำลังถูกคุม ก็คงไม่ใช่ของง่ายนะครับ อีกประการผมไม่ไ่ด้ไปรับขันธ์จากตำหนักไหนของใครเขามา ผมแค่เอาเครื่องบูชาไปไหว้เจ้าแม่กวนอิม (พิธีขึ้นขันธ์ตามแบบผมเอง) ก็เท่านั้น ทำให้มันจบไปเพราะรับปากแม่มาแล้ว ส่วนเรื่องจะทำอย่างไรเป็นเรื่องของเรา ผมเลยไม่ไปหาตำหนักทรง, คนทรงคนไหนทั้งนั้น ทำๆ ให้จบไป ก็เป็นแบบนี้ จะว่าไปแล้วผมอาจคล้ายๆ "พวกม้าทรง" มากกว่า คือ ไม่ได้เข้าทรงแบบนั้น แต่ต้องทำกิจเหมือนกัน เป็นกิจที่ไม่ใช่การทำมาหาอาชีพทั่วไป ตามแต่สวรรค์จะว่ากันไป อีกประการบางครั้ง ผมก็เหมือนถูกลงโทษ เช่น ตื่นเช้ามามีรอยกรีดที่ขาสองข้าง เหมือนโดนมีดกรีดเป็นทางยาวๆ แต่ไม่เข้าลึก มีสะเก็ดเลือดออกบางๆ ทั้งๆ ที่เสื้อผ้าผมก็ปกติ ถ้าจะมีอะไรมากรีดถึงผิวหนังผมก็น่าจะมีรอยที่กางเกงบ้าง แต่นี่ก็ไม่มี? เอาเข้าไปสิ? หรืออะไรอีกมากมาย ที่ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร เอาเป็นว่าผมไม่สรุปว่ามันมีจริงไหม, ดีหรือไม่ดี ทั้งนั้น มันเป็นแค่อะไรสักอย่างหนึ่ง ที่ใครมีบุญมีกรรมแบบนั้นก็ต้องไปเสวยแบบนั้น ก็เท่านั้นเอง ถ้าคุณยังไม่มีกรรมก็ไม่ต้องไปยุ่ง ไม่ต้องไปว่าอะไรเขา (ด่าเขามากระวังจะเข้าตัวเอง เหมือนผมละกัน) ในที่สุด เมื่อผมมีอาการแปลกๆ อยู่ไม่น้อย ผมก็เลยต้องศึกษาเพื่อเอาตัวรอด ผมก็เข้าไปดูบางตำหนักทรงบ้าง เฉพาะที่พอไว้ใจกัน เพราะบางตำหนักไม่ควรเข้าอย่างยิ่ง เข้าไปปั้บ ถ้าไม่ก้มหัวกราบมัน มันจะทำนายให้ร้ายเราทันที นึกออกนะครับ แล้วเรื่องอะไรเราจะแส่ไปเป็นขี้ข้าให้เขาชี้่หน้าทำนายให้ร้ายๆ ใส่ตัวเราละครับ ผมก็ไปบ้างเฉพาะที่พอไว้ใจกันหน่อยเท่านั้นเอง คุยกันในเรื่องบางเรื่องที่คุยกับคนอื่นไม่ได้ เพื่อหาทางออกให้ชีวิตของตน ก็เท่านั้นครับ ไม่ใช่เรื่องนิพพาน แล้วก็ไม่ใช่เรื่องผิด หรือเรื่องถูกต้องอะไร "แล้วแต่กรรมใคร มันจะปรุงแต่งให้ต้องไปเสวยอย่างไร ก็เท่านั้นเอง" โอ้ย กรรมของคนบางคน แปลกกว่านี้ ก็มีอีกถมไปครับ จบ!



Penulis : Unknown ~ Sebuah blog yang menyediakan berbagai macam informasi

Artikel ขึ้นขันธ์ ini dipublish oleh Unknown pada hari 12/27/12. Semoga artikel ini dapat bermanfaat.Terimakasih atas kunjungan Anda silahkan tinggalkan komentar.sudah ada 0 komentar: di postingan ขึ้นขันธ์
 

0 comments:

Post a Comment