เรียนไม่จบ!

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดูแล้วไม่น่าจะมีเรื่องลึกลับเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพราะเหมือนเรื่องทั่วๆ ไปที่ใครๆ ก็อาจจะพบได้นะครับ แต่บางครั้ง ในระดับที่ตาเนื้อเรามองไม่เห็น อาจจะมีอะไรบางอย่างที่เราไม่รู้ ไม่ทราบก็ได้ มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผมศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย ทำให้ผมเรียนในบางคณะไม่ได้ครับ


ผมอาจจะเรียนจบปริญญาตรีในคณะหนึ่งได้ก็จริง แต่ผมเหมือนคนที่เสียเวลาในชีวิตไปกับบางคณะโดย "เรียนไม่จบ" ครับ ดังนั้น ผมจึงรับรู้และเข้าใจได้ถึงความรู้สึกกดดันของคนที่เรียนไม่จบ ซึ่งมันร้ายแรงมาก โดยเฉพาะคำว่า "รีไทน์" เป็นอะไรที่ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากคำสั่งประหาร สำหรับเด็กในวัยนั้นๆ เลย มันร้ายแรงมากในความรู้สึกของเด็กวัยรุ่นแบบนั้นครับ ผมเคยลงเรียนระดับมหาวิทยาลัยอยู่สามคณะ ที่ผมไม่อาจเรียนจบได้ คือ ๑. แพทยศาสตร์ ๒. รัฐศาสตร์ ๓. เศรษฐศาสตร์ (ป. โท) ในความรู้สึกของคนที่ต้องออกจากการเรียนไปก่อนเพื่อนๆ ผมรู้สึกว่ามันกดดันและเจ็บปวดมากพอดู แต่ถ้าเราเข้าใจโลกอย่างแท้จริงแล้ว ผมว่ามันเบาเหมือนขนนกนะครับ กล่าวคือ การเรียนนั้นมีกว้างมาก ถ้าเราอยากเรียนเพื่อให้มีอาชีพ ก็ต้องเรียน "สายอาชีพ" หรืออาชีวะครับ แต่ถ้าเราอยากเรียนเอาปริญญา หรืออะไรจากมันก็ได้ที่ไม่จำเป็นต้องมีอาชีพ จบมาไม่มีงานทำ หรือทำงานอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวกับสาขาที่ตนจบมา ก็ต้องเรียนมหาวิทยาลัย คือ บางคนก็เรียนเพื่อเอาความรู้ (อยากรู้เฉยๆ), บางคนเรียนเพื่อเป็นนักวิชาการ, บางคนเรียนเพื่อเป็นฐานไปสู่ปริญญาโท, บางคนเรียนเพื่อเอาไปสอนต่อ (ไม่ได้เอาวิชาไปใช้่จริง), บางคนเรียนเพื่ออยากได้สังคม (เช่น เลือกตามเพื่อน), บางคนเรียนเพื่ออยากเข้าคณะนั้นๆ หรือมหาวิทยาลัยนั้นๆ ก็แค่นั้นเอง อย่าคิดมากครับ ชีวิตเราทั้งชีวิต ไม่ได้ถูกลิขิตด้วยการเรียนมหาวิทยาลัย มันแค่เสี้ยวหนึ่งของชีวิตเท่านั้น ผมเองผ่านการเรียนไม่จบมาถึงสามคณะ, สามมหาวิทยาลัย แต่ผมก็ยังสนใจวิชาเหล่านั้นอยู่เสมอ ในระดับที่ผมพอจะเรียนรู้ได้ในปัจจุบัน ตอนนี้ มันก็กลายเ็ป็นแค่งานอดิเรกหรืออะไรที่เราชอบทำในยามว่าง ทำแล้วมีความสุข เท่านั้นเอง ไม่ใช่อะไรที่น่าเบื่อ ต้องทำทุกวัน อีกต่อไปแล้ว (อย่างบางคนเรียนจบแพทย์ ได้เป็นหมอ แต่พอทำงาน ทำแบบเบื่อ เซ็ง ไปวันๆ เพื่อนผมคนหนึ่ง เขาเล่ามาว่าเขาถูกนางพยาบาลปลุกให้ตื่นมารักษาคนไข้ แล้วเขาก็มาทั้งชุดนอน แล้วไปรักษาคนไข้ผิดเตียง อั๊ยย่ะ!)


เมื่อผมเข้าใจโลก เข้าใจธรรม มากขึ้น มันทำให้ผมมีความสุขกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้มากขึ้น ผมไม่รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งเลวร้ายเลย ที่ผมเรียนไม่จบสามคณะ สามมหาวิทยาลัยนั้น แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันคือกำไรของชีวิต ที่เราได้ไปเรียนรู้สิ่งเหล่านั้น ได้เข้าสังคม ได้เข้าใจถึงกระบวนการส่วนหนึ่ง กว่าจะผลิตบัณฑิตในคณะนั้นๆ ออกมาได้ และได้อะไรบางอย่างมาบ้าง แม้จะจดจำเนื้อหาวิชาการไม่ได้ ก็ตาม เช่น ตอนที่ผมเรียนแพทย์ ผมเป็นคนที่โง่ที่สุดคนหนึ่ง วันหนึ่งในช่วงที่เราได้เรียนเรื่องเชื้อโรคต่างๆ รุ่นพี่ได้เอาเคสคนไข้มาอ่านให้ฟัง (ข้อมูลถูกสัมภาษณ์มาแล้ว) แล้วยกขึ้นเป็นกรณีศึกษา ถกกัน มีเพื่อนๆ ที่เก่งมากๆ มีเยอะแยะอยู่ร่วมโต๊ะ พี่ถามว่าให้สัณณิฐานโรคว่าเขาเป็นอะไร? แต่ละคนมักวนอยู่ในเรื่องเชื้อโรคที่กำลังเรียนกันอยู่ แต่มีผมคนเดียวตอบไปว่า "เป็นภูมิแพ้" ซึ่งมันไม่ใช่โรคติดต่อ และไม่เกี่ยวกับเชื้อโรคที่เราเรียนอยู่เลย รุ่นพี่ถามว่าทำไมคิดอย่างนั้น ผมก็ตอบว่า "ข้อมูลบอกว่าน้ำมูกใสครับ" (น้ำมูกขุ่นมีสี มักมาจากเชื้อโรคต่างชนิดกัน แต่น้ำมูกใส ไม่น่าจะมาจากเชื้อโรค) แล้วรุ่นพี่ก็เงียบไปเลย ไม่เฉลย แล้วก็หยุดคุยเคสนี้ไปเลย (จบไงครับ) คือ บางอย่างผมอาจไม่ผ่าน เช่น ข้อสอบที่อาจารย์จัดไว้ ผมสอบไม่ผ่านแต่ผมคิดว่าผมก็ได้หลักคิด, แนวคิด, มุมมอง, จรรยาบรรณ ฯลฯ อะไรอีกหลายอย่างจากที่ผมเรียนมา แม้จะไม่จบครับ ทุกวันนี้ ผมก็ทำงานที่อาจจะไม่ตรงกับสิ่งที่ผมเรียนนัก เพราะงานของผมไม่มีเงินเดือน ไม่มีรายได้ มีแต่ข้อมูล, ความคิดเห็น ฯลฯ ที่สื่อสารผ่านอินเตอร์เน็ตฟรีๆ เท่านั้น แต่ผมก็ยังคงทำต่อไป ...



Penulis : Unknown ~ Sebuah blog yang menyediakan berbagai macam informasi

Artikel เรียนไม่จบ! ini dipublish oleh Unknown pada hari 2/9/13. Semoga artikel ini dapat bermanfaat.Terimakasih atas kunjungan Anda silahkan tinggalkan komentar.sudah ada 0 komentar: di postingan เรียนไม่จบ!
 

0 comments:

Post a Comment